ปล่อยให้คนแก่แบบผมได้พักเถอะ!!!| Twisted Wonderland | - นิยาย ปล่อยให้คนแก่แบบผมได้พักเถอะ!!!| Twisted Wonderland | : Dek-D.com - Writer
×

    ปล่อยให้คนแก่แบบผมได้พักเถอะ!!!| Twisted Wonderland |

    ชายชราวัย 70+ ที่อยู่ดีๆก็ถูกวาปมายังมิติอื่น ยังไม่พอเขายังต้องกลายเป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยว แต่เขาก็ยังไม่รู้ว่าเมื่อเขาอายุ 16 เมื่อไหร่นั้นแหล่ะคือความชิบหายที่แท้จริง

    ผู้เข้าชมรวม

    148

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    16

    ผู้เข้าชมรวม


    148

    ความคิดเห็น


    4

    คนติดตาม


    16
    หมวด :  แฟนตาซี
    จำนวนตอน :  2 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  6 ต.ค. 67 / 23:57 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ



    บ้านหลังหนึ่ง


    สำหรับคนที่มีอายุอยู่บนโลกใบนี้มานานกว่า 70 ปี ประสบการณ์ทั้งหมดที่ได้รับมาจากสิ่งที่ตนเองตัดสินใจ ทั้งความสุขและความทุกที่ได้รับ นั้นล้วนแล้วแต่เป็นประสบการณ์ชีวิตของ การันต์


    "ตาจ๋า~"???


    เสียงเล็กๆจากเด็กน้อยวัย 8 ขวบ ที่วิ่งมาหาชายชราที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้โยกเยกด้วยความคิดถึง


    "ปลายฟ้าหลานตาคิดถึงคุณตาไหมจ๊ะ"

    "น้องฟ้าคิดถึงตาจ๋าทุกวันเลยค่ะ!"


    ชายชรานามว่าการันต์เอ่ยพรางอ้าแขนเพื่อรอรับก่อนจากหลานสาวของตนที่กำลังวิ่งมาด้วยท่าทางที่ร่าเริง ปลายฟ้าที่เห็นดังนั้นจึงรีบวิ่งเข้าไปสวมกอดคุณตาของตนด้วยความคิดถึง

    ก่อนที่จะเริ่มสาธยายถึงความคิดถึงคุณตาของตนว่าตนนั้นคิดถึงคุณตามากขนาดไหน


    "โถ่ปลายฟ้า ทำไมหนูไม่เคยฟังแม่เลยล่ะว่าอย่าวิ่งตรงทางเดินเดี๋ยวก็ล้มหรอก!"


    เสียงของหญิงสาววัยกลางคนเอ่ยออกมาด้วยความเป็นห่วงลูกสาวของตน ที่เจ้าตัวนั้นชอบวิ่งไปมาตรงทางเดินของบ้านเป็นประจำ แต่ก็หาไม่ได้หยุดความซุกซนตามประสาเด็กของปลายฟ้าเลยแม้แต่น้อย

    พอปลายฟ้าได้ยินแม่ของตนบ่นตนเองอยู่ก็ได้ทำหน้ามุ่ยด้วยความไม่พอใจ ก่อนที่จะหันไปออดอ้อนคุณตาของตนอย่างไม่สนใจผู้เป็นแม่เลย


    "เอาน่าๆหลานก็ยังเป็นเด็กเป็นเล็กอย่าไปห้ามอะไรหลานมากเลยน่ามินตรา"

    "โถ่! ก็คุณพ่อชอบตามใจปลายฟ้าแบบนี้ไงลูกถึงไม่ยอมฟังหนูเลย!"


    มินตราเอ่ยออกมาอย่างไม่พอใจที่พ่อของตนนั้นชอบสปอยหลานในทุกๆครั้งที่มาเยี่ยม จึงทำให้ปลายฟ้ามีนิสัยไม่ค่อยเชื่อฟังแม่และดื้อเอามากๆ


    "ก็เหมือนแกตอนเด็กนั่นแหละมินตรา ฮ่าๆ"

    "โถ่คุณพ่ออ่า!"


    การันต์ที่เห็นลูกสาวของตนทำหน้าบูดบึ้งคล้ายกับหลานสาวที่กำลังอ้อนตนอยู่ ก็ได้เอ่ยแซวลูกสาวของตนไปพร้อมกับขำออกมาเล็กน้อย

    ซึ่งตัวมินตราที่โดนแซวนั้นก็ได้เอ่ยออกมาอย่างงอนๆ


    "วันนี้หลานอยากกินอะไรกันไหมตาจ๋าได้ทำให้?"

    "หนูอยากกินขนมดาวล้อมเดือนค่ะ!"

    "เดี๋ยวเถอะตาจ๋าเขาหมายถึงกับข้าวต่างหากไม่ใช่ขนมสักหน่อย"


    การันต์ที่เห็นว่าเวลามันก็ใกล้เที่ยงแล้วจึงได้เอ่ยถามถึงเมนูอาหารที่หลานสาวอยากจะรับประทาน ซึ่งปลายฟ้าที่ได้ยินอย่างนั้นจึงได้เอ่ยเมนูขนมหวานที่ตนชอบออกมาอย่างกระตือรือร้น

    แต่ก็ต้องถูกมินตราที่นั่งอยู่ข้างๆเอ่ยตักเตือนเสียก่อน ว่าต้องกินข้าวก่อนที่จะกินของหวาน จึงทำให้ปลายฟ้าเจ้าตัวได้นั่งหงอยไปอีกครั้ง


    "ฮึๆ งั้นถ้าเกิดวันนี้หลานกินข้าวจนหมด 1 ทัพพี ตาจะทำขนมชั้นเพิ่มให้เป็นของหวาน 2 อย่างเลยล่ะ เพราะฉะนั้นบอกเมนูกับข้าวที่หลานอยากกินมาเลย"

    "ของหวาน 2 อย่างเลยหรอคะ!"

    "..."


    ปลายฟ้าที่ได้ยินคุณตาของตนพูดอย่างนั้นก็ได้ทำตาเป็นประกายก่อนที่จะบอกเมนูอาหารที่ตนอยากกิน และไปนั่งรออยู่ในห้องนั่งเล่นของบ้านด้วยท่าทางที่สดใสเพื่อไปดูการ์ตูนเรื่องโปรด

    การันต์ที่เหลือบไปมองลูกสาวของตนที่กำลังมองตนอย่างคาดหวังบางอย่างก็ได้ยิ้มออกมา ก่อนที่จะเอ่ยกับลูกสาวของตนว่า


    "แล้วก็วันนี้จะมีบัวลอยไข่หวานด้วยนะ~"

    "จริงหรอคะ!"


    มินตราที่ได้ยินว่าพ่อของตนจะทำของโปรดที่ตนชอบก็ได้แสดงท่าทางดีใจออกมาอย่างเก็บไม่อยู่ ซึ่งทุกการกระทำนั้นอยู่ในสายตาของการันต์ผู้มีศักดิ์เป็นพ่อ


    "งั้นพ่อขอฝากหุงข้าวให้ด้วยนะเดี๋ยวพ่อไปซื้อวัตถุดิบมาทำขนมก่อน"

    "รับทราบค่ะ!"


    หลังจากการันต์เอ่ยสั่งงานกับลูกสาวเสร็จ ตัวเขาก็ได้เดินไปหยิบกระเป๋าผ้าเพื่อจะออกไปจ่ายตลาดและซื้อวัตถุดิบในการทำขนมมา








    ตลาดสด



    "คุณตาวันนี้ก็ออกมาจ่ายตลาดอีกแล้วหรอครับ"

    "ใช่แล้วล่ะเจ้าทศ"

    "ได้ข่าวว่าหนูปลายฟ้า กับเจ้ามินตรา มาเยี่ยมอีกแล้วรึ"

    "พอดีวันนี้วันปิดเทอมของหลานน่ะมินตราเลยพาหลานมาเที่ยวสักหน่อยนาะ ยายพิน"


    เมื่อการันต์ก้าวเท้าเข้ามาในตลาดสดไม่ใกล้ไม่ไกลจากบ้าน ก็ได้มีเสียงทักทายจากผู้คนในละแวกนั้นอย่างไม่ขาดสาย เนื่องด้วยการันต์นั้นเป็นคนที่ค่อนข้างจะใจดีและสุภาพมาก จึงทำให้เป็นที่รักของคนแถวนั้นเสียส่วนใหญ่


    "แล้ววันนี้คุณตาจะมาซื้ออะไรหรอครับ?"

    "วันนี้คุณตากะจะมาซื้อวัตถุดิบไปทำขนมให้คนที่บ้านนะจ๊ะ"


    เสียงเด็กชายตัวน้อยที่อยู่ตรงแผงลอยขายผักเอ่ยออกมาอย่างสงสัยใคร่รู้ การันต์ที่เห็นดังนั้นจึงตอบออกไปด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตรพร้อมกับเดินไปลูบหัวเด็กคนนั้นอย่างเอ็นดู


    "จะไปร้านของป้านวลสินะครับ!"

    "ใช่แล้วล่ะเจ้าต้น"


    ต้นน้ำเอ่ยออกมาอย่างมั่นใจเพราะเขารู้ว่า มีแค่ที่เดียวเท่านั้นที่ทุกคนสามารถไปซื้อวัตถุดิบทำขนมได้ นั่นก็คือร้านของป้านวลที่อยู่ถัดออกไปอีกซอยนึง

    ซึ่งนั่นก็สร้างความน่าเอ็นดูให้แก่ต้นน้ำเป็นอย่างมาก จนการันต์งั้นยิ้มออกมาเมื่อเห็นท่าทีของเด็กน้อยตรงหน้า


    "งั้นตาไปก่อนนะเจ้าต้น"

    "ไปดีมาดีนะครับคุณตา!"


    การันต์ที่รู้สึกว่าตนนั้นคุยกับเด็กตรงหน้านานเกินไปแล้ว จึงได้บอกลาเด็กน้อยตรงหน้าก่อนที่จะมุ่งหน้าไปที่ร้านขายของชำที่อยู่ในซอยถัดไป พร้อมกับเสียงตะโกนบอกลาของต้นน้ำที่ค่อยๆไกลออกไปเรื่อยๆ









    "ใครกล้าเอาลูกแมวมาทิ้งไว้ในกล่องแบบนี้ช่างใจร้ายซะจริงๆ"


    ในขณะที่การันต์กำลังเดินไปเรื่อยๆก็ได้พบกับกล่องไว้ 1 ที่มีรูปแมวพันธุ์ไทย 2 ตัวกำลังนอนขดอยู่


    แอ๊ว~


    "มาเถอะเจ้าหนูมาอยู่กับตาเถอะ"


    การันต์เอ่ยพร้อมกับใช้ผ้าห่อลูกแมวทั้ง 2 ตัวไว้ก่อนที่จะเริ่มออกเดินไปที่ถนน เพื่อจะไปซื้อวัตถุดิบทำขนมพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับลูกแมวด้วย


    "ปลายฟ้าจะดีใจไหมนะที่เอาลูกแมวไปเลี้ยงที่บ้าน"


    ในขณะที่การันกำลังคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย เขาก็ไม่ทันสังเกตว่ากำลังมีรถกระบะคันนึงที่ขับสายไปมาคล้ายกับคนขับนั้นกำลังเมาอยู่ ซึ่งมันอาจจะไม่เกิดอะไรขึ้นเลยถ้าหากไม่มีสุนัขตัวหนึ่งวิ่งตัดหน้ารถคันนั้น

    ซึ่งเมื่อคนขับที่กำลังเมาได้ที่เห็นสุนัขที่กำลังวิ่งผ่าน ก็ได้เกิดอาการตกใจพร้อมกับหักพวงมาลัยไปทางที่การันกำลังยืนอยู่


    "ลุงระวัง!"


    คนขับรถที่เพิ่งเห็นว่ามีคนอยู่ข้างทาง ก็ได้ตะโกนเรียกให้คนที่ยืนอยู่หลบ แต่มันกับสายเกินไป


    "หืม เดี๋ยวนั่นมันรถกระบะมาจากไหนน่ะ!?"


    การันต์ที่เพิ่งได้สติจากเสียงเรียกได้เงยหน้าขึ้นไปแล้วหันไปมองตามเสียงเรียก ก่อนที่เจ้าตัวจะต้องตกใจสุดขีดเมื่อ ตรงหน้านั้นคือรถกระบะที่กำลังพุ่งมาหาตนด้วยความเร็วสูง

    ซึ่งคนที่มีอายุ 70 กว่าปีอย่างเขาคงจะหลบไม่ทันแน่ๆ เพราะร่างกายของเขาก็ใช่ว่าจะแข็งแรงเหมือนตอนหนุ่มๆ จึงทำให้เมื่อเขาจะขยับตัวหนีมันก็ไม่ทันเสียแล้ว

    ด้านของการันต์ที่อุ้มลูกแมวตัวน้อย 2 ตัวไว้ในห่อผ้านั้น ได้กระเด็นไปตามแรงกระแทกของรถที่พุ่งมาด้วยความเร็วสูงของคนขับรถที่กำลังตื่นตระหนกอยู่


    "อั๊ค!?"


    แต่โชคร้ายที่ร่างของการันต์นั้นไม่เพียงแค่โดนชนจนกระเด็น แต่ร่างของเขานั้นกลับกระเด็นไปไกลจนชนเข้ากับเสาไฟฟ้าอย่างจัง


    (รู้สึกเจ็บไปทั้งตัวเลยแฮะ)


    หลังจากที่การันต์ได้ชนกับเสาไฟฟ้า นั่นจึงทำให้ตัวเขานั้นได้นอนแน่นิ่งอยู่ตรงเสาไฟฟ้านั้นอยากช่วยไม่ได้ ซึ่งตอนนี้บอกได้เลยว่าตัวของเขานั้นแทบจะไม่มีโอกาสรอดเลยด้วยซ้ำ


    (ความรู้สึกของคนที่โดนรถชนมันเป็นอย่างนี้สินะ...)


    การันต์ได้แต่คิดอยู่ในใจถึงเหตุการณ์ที่ตนเองได้รับอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และพร่ำเพ้ออยู่ในใจถึงเหตุการณ์ในช่วงชีวิตของเขาทั้งดีและร้าย


    "คุณตา! คุณตา!!"

    (เจ้าต้นน้ำเองหรอ...)


    เด็กน้อยนามต้นกล้าวิ่งเข้าไปหาร่างของการันต์ ที่ในตอนนี้สภาพปางตายแบบสุดๆ


    "คุณตาอยากเป็นอะไรไปนะตอนนี้ทุกคนกำลังจะมาช่วย!"


    ต้นน้ำเอ่ยออกมาอย่างเรียบร้อนพร้อมกับน้ำตาที่เอ่อล้นออกมาอย่างห้ามไม่ได้ พร้อมกับจับมือของการันต์ไว้แน่นเหมือนว่าไม่อยากให้เขาเป็นอะไรไปมากกว่านี้


    "เจ้าต้นน้ำแล้วลูกแมว..."


    การันต์ที่พึ่งนึกได้ว่าตนนั้นอุ้มลูกแมว 2 ชีวิตไว้ ในระหว่างที่รถพุ่งเข้ามาชนเจ้า 2 ตัวนั้นจะต้องได้รับแรงกระแทกด้วยเป็นแน่ จึงได้เอ่ยถามต้นน้ำด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน

    ก่อนที่สายตาจะเหลือบไปเห็นซากของลูกแมวตัวหนึ่งที่นอนแน่นิ่งอยู่ พร้อมกับลูกแมวอีกตัวหนึ่งที่หายใจอยู่โรยริน


    "นี่ไม่ใช่เวลามาหวงลูกแมวนะครับ คุณตาต้องห่วงตัวเองก่อนสิครับ!"


    ต้นน้ำที่เห็นว่าชายชราตรงหน้าไม่สนใจชีวิตของตนเลย จึงได้ตะโกนขึ้นมาด้วยความโมโหปนเศร้า


    "ตายแล้วเจ้าการันต์! เอ็งทำไมมีสภาพอยู่แบบนี้!?"


    ยายพินที่ค่อยๆเดินมาเพราะตอนนั้นไม่สามารถจะวิ่งได้เหมือนตอนสาวๆ เอ่ยออกมาด้วยความตกใจพร้อมกับเร่งความเร็วเพื่อไปหาร่างของการันต์ด้วยความเป็นห่วง


    "ยายพิณฉันว่าฉันไม่น่าจะรอดแล้วล่ะ..."

    "คุณตาอยากพูดอย่างนั้นสิครับ!"

    "เอ็งอย่ามาปากเสียแถวนี้นะไอ้การันต์!"


    ตัวของการันต์ที่เริ่มรู้สึกว่าเขานั้นอาจจะไม่รอดแล้วจึงเอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบา ซึ่งนั่นสร้างความโมโหและความเศร้าใจให้แก่ยายพิณและต้นน้ำเป็นอย่างมาก


    "ถ้าฉันตายแล้วฝากบอกมินตรากับปลายฟ้าว่า ฉันรักทั้งสองคนมากๆเลยนะแล้วก็ขอโทษที่ไม่ได้ทำขนมให้กินด้วย..."

    "ไม่พูดแบบนั้นสิครับคุณตา คุณตาจะต้องรอดแน่ๆครับ!"


    การันต์ที่เริ่มรู้สึกว่าร่างกายบางส่วนของเขาเริ่มไม่ตอบสนองแล้ว จึงได้เอ่ยคำสั่งเสียออกมาย่างช่วยไม่ได้ ซึ่งต้นน้ำที่ได้ยินดังนั้นจึงพูดให้กำลังใจชายชราที่นอนอยู่ทั้งน้ำตา


    "เดี๋ยวรถพยาบาลก็จะมาแล้ว...."

    (ไม่ได้ยินที่เจ้าต้นน้ำพูดแล้วแฮะ แถมยังรู้สึกหนาวสุดๆไปเลย...)


    ในขณะที่ต้นน้ำกำลังพูดอยู่นั้นก็คล้ายกับว่า ตัวของการันต์นั้นโดนตัดประสาทสัมผัสในการได้ยินออกไปจนหมด จึงทำให้เขาไม่ได้ยินสิ่งที่ต้นน้ำพูดเลยแม้แต่นิดเดียว

    ซึ่งในระหว่างที่เขากำลังอ่านปากของต้นน้ำอยู่นั้น ความรู้สึกหนาวจับใจก็ได้ทวีคูณมากขึ้น พร้อมกับดวงตาที่หนักขึ้นเรื่อยๆจนแทบจะต้านไว้ไม่อยู่


    (ง่วงจัง...ถ้าหลับไปฉันจะยังตื่นมาเจอหน้าของลูกกับหลานไหมนะ...)


    ไวกว่าความคิดร่างกายของเขาก็คล้ายกับถูกมนต์สะกดให้หลับลงไปอย่างช่วยไม่ได้ และการหลับครั้งนี้ก็จะเป็นการหลับที่ไม่สามารถตื่นมาพบกับคนที่รักได้อีกต่อไป...







    "ถ้าอย่างนั้นคุณตาช่วยมาใช้ชีวิตแทนผมด้วยนะครับ"


    (เสียงใครน่ะ?)


    "ผมถือว่าตกลงนะครับ"


    (มัดมือชกกันชัดๆ)


    "ขอให้สนุกกับโลกของผมนะครับคุณตา~"


    (ช่างมันเถอะยังไงก็ไม่มีอะไรต้องเสียอยู่แล้วนี่...)







    จบบทนำของเรื่อง

    และ

    เริ่มบทที่ 1 ของเรื่อง

    (ปล.หากมีคำใดผิดก็ขออภัยผู้อ่านด้วยนะครับ)૮꒰ ˶• ༝ •˶꒱ა

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น